แนะนำ เครื่องปรุงคีโตออร์แกนิค มือใหม่ต้องรู้!

Last updated: 2 มี.ค. 2567  |  13698 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แนะนำ เครื่องปรุงคีโตออร์แกนิค มือใหม่ต้องรู้!

 
                คีโตเจนิค (Ketogenic) คือ หลักการกินที่เน้นไขมัน 75% เน้นโปรตีน 20% และลดแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) ให้เหลือเพียง 5% เท่านั้น รวมทั้งลดหวาน งดซอส งดเครื่องปรุงที่่มีความข้นหนืดและน้ำตาลสูง  จริงๆ แล้วการทานอาหารคีโตเจนิคก็มีข้อยกเว้น สามารถปรุงรสอาหารได้ด้วยเครื่องปรุงที่ผลิตเพื่อชาวคีโตโดยเฉพาะ 
 
                ซึ่งต้องเป็นเครื่องปรุงที่ไม่มีผงชูรส ไม่ใส่น้ำตาลเกินปริมาณที่กำหนด ไม่มีแป้งแฝง ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น และไม่ใส่วัตถุกันเสีย  หากยิ่งเป็นเครื่องปรุงที่ผลิตมาจากวัตถุดิบออร์แกนิค จะยิ่งช่วยตัดปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในร่างกายออกไปได้ด้วย
 
                    Lumlum จึงขอรวบรวมเครื่องปรุงสำหรับชาวคีโตและกลุ่มคนที่ทานอาหารออร์แกนิค เพื่อให้ชาวคีโตสนุกกับการทานอาหารพร้อมควบคุมน้ำหนักแบบไม่เครียด โดยยังสามารถใช้เครื่องปรุงเพิ่มรสชาติอาหารให้ครบรสได้
  
1. น้ำมัน และเนย = ไขมันดี
 
 
 
                ชาวคีโตจะต้องทานไขมันดีเข้าไปเป็นพลังงานหลัก เพื่อกำจัดไขมันสะสมไปในตัว ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราทานแป้งและน้ำตาลน้อยกว่าปกติ จนร่างกายคิดไปว่าเราไม่ได้กินอาหารใดๆเลย  เมื่อนั้นเองที่ไขมันสะสมในร่างกายจะถูกดึงออกมาใช้แทนแป้งและน้ำตาล ไขมันจึงถูกเผาผลาญ น้ำหนักเราก็จะลดลงตามไปด้วย
 
               ดังนั้น จึงต้องเลือกน้ำมันและเนยชั้นดี เพราะถ้าเลือกประเภทที่เป็นไขมันร้ายหรือแม้กระทั่งการกินไขมันดีเยอะเกินไป ก็อาจกลายเป็นส่งผลในทางลบได้เลย
 
           กลุ่มน้ำมันและเนยที่นิยมติดอันดับท็อปในวงการคีโต ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว เนยกี (Ghee)
 
 
เกร็ดความรู้  : การเลือกน้ำมันสกัดเย็น ไม่ผ่านความร้อน ช่วยให้เราได้รับสารอาหารจากพืชชนิดนั้นๆ ได้อย่างครบถ้วน และควรเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้ด้วย
 
 
น้ำมันสำหรับสลัด ซอสหรือหมัก
 
                ควรเป็นน้ำมันที่ได้มาจากการสกัดเย็น คุณค่าทางอาหารครบ ดีต่อสุขภาพ ซึ่งพ่วงมากับราคาที่สูงตามไปด้วย ไม่ควรนำไปใช้ประกอบอาหารที่ต้องอาศัยอุณหภูมิสูงๆ
 
  • น้ำมันมะกอก extra virgin & virgin
  • น้ำมันงาสกัดเย็น (สีอ่อน)
  • น้ำมันงาคั่ว (สีน้ำตาล)
  • น้ำมันวอลนัท
  • น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
  • น้ำมันเฮเซลนัท
  • น้ำมันสำหรับการผัด
 
                กลุ่มนี้จะเป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันค่อนข้างสูง จึงเหมาะกับการผัดด้วยความร้อนไม่นาน ไม่เหมาะกับการทอดในความร้อนสูง
 
  • น้ำมันมะกอก Olive oil และ Refined olive oil
  • น้ำมันงาดิบ (สีอ่อน)
  • น้ำมันแมคคาเดเมีย
  • น้ำมันปาล์มแดง (สีแดง) 
 
น้ำมัน และไขมันสัตว์สำหรับการทอด 
 
              สามารถใช้ทอดด้วยความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน เพราะเป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงและระเหยกลายเป็นไอยากกว่าน้ำมันประเภทอื่น เมื่อนำน้ำมันกลุ่มนี้ไปทอดในไฟแรงๆ น้ำมันจะทนความร้อนได้สูง ไม่ระเหย ไม่มีควันพิษก่อมะเร็งเมื่อทำอาหาร
 
  • น้ำมันหมู / ไขมันหมู  / ไขมันวัว จากหมูหรือวัวเลี้ยงด้วยหญ้า
  • ไขมันเป็ด ไขมันห่าน ไขมันไก่ง่วง ไขมันไก่ ที่ถูกเลี้ยงนอกกรง
  • น้ำมันปาล์มแดง
  • น้ำมันมะพร้าวที่ผ่านกรรมวิธี 
  • น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็น
  • น้ำมันอัลมอนด์ 
  • น้ำมันที่ใช้ทานเป็นอาหารเสริม 

MCT Oil สกัดจากน้ำมันมะพร้าวดิบหรือน้ำมันปาล์ม มีรสชาติดีกว่าและเข้มข้นกว่าน้ำมันมะพร้าวมาก ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่มีชั้นน้ำมัน เหมาะกับคนที่ต้องการเร่งเพิ่มไขมันที่เป็นพลังงานหลัก 

วิธีใช้ : ใส่ MCT Oil ลงไปในอาหาร เครื่องดื่มทุกประเภท น้ำสลัด ไม่ควรใช้ประกอบอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง


เลี่ยงน้ำมันพืช ที่ทำร้ายคนกินคีโต : น้ำมันกลุ่มนี้ถูกปรับแต่งโมเลกุลให้อยู่ในขวดได้นาน เกิดเป็นไขมันทรานซ์ ที่อาจทำให้ไขมันสะสมพอกพูนในร่างกายเรา เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด 

 
คนกินคีโตใช้เนยทอดอาหาร




                 เนยทุกประเภทจะมีจุดเกิดควันค่อนข้างสูงไปจนถึงสูงมาก จึงทนความร้อนได้โดยไม่ไหม้และไม่ระเหยเป็นควันพิษ สามารถทำได้ทั้งผัดและทอด โดยควรเลือกเนยที่ผลิตจากนมวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า และมีส่วนผสมของไขมันนม 80% ขึ้นไป 

                  LumLum ขอแนะนำให้ใช้ กี (Ghee) เนยใสสไตล์อินเดีย ผลิตจากนมวัวเลี้ยงด้วยหญ้า สามารถซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้

                  หากหาไม่เจอหรือไม่สะดวกออกไปซื้อเนยกีที่ห้าง ก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยนำเนยสดมาต้มไฟอ่อนๆ ระวังอย่าให้ไหม้ ต้มต่อไปจนมีน้ำและนมแยกออกมาจากเนย จนเหลือเพียงไขมันเนย จากนั้นให้นำไขมันที่ได้มากรองให้ใสก่อนใช้งานอีกครั้ง 

                 นอกจากเนยกี เรายังสามารถใช้เนยประเภทอื่นที่ทนความร้อนได้ปานกลางไปจนถึงระดับสูง  เช่น เนยสด (177  ํC ) , เนยมะพร้าว (177  ํC ) , โกโก้บัตเตอร์ (230  ํC )


ข้อแนะนำ : งดทานเนยขาว เนยเทียม(มาการีน) และครีมเทียม ของเหล่านี้เป็นไขมันตัวร้ายที่พบได้ในขนมปังกรอบ คุ้กกี้ เค้ก โดนัท โรตี ที่จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้   
 


2. ผงปรุงรส สูตรคีโต
 
 

                     เลือกผงปรุงรสให้เหมาะกับเมนู เช่น ผงหมัก ผงผัดทอด ผงน้ำซุป และอื่นๆ อย่าลืมที่จะเช็คปริมาณน้ำตาล และจะปลอดภัยที่สุดหากไม่มีผงชูรส 

 

3. ซีอิ๊วคีโต ออร์แกนิค
 


                     ควรเลือกซีอิ๊วออร์แกนิคที่หมักบ่มตามกรรมวิธีธรรมชาติ ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี  ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และที่สำคัญที่สุด คือ ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือมีในปริมาณน้อยกว่า 5% เท่านั้น 

                    ปฏิเสธไม่ได้ว่าขั้นตอนการหมักซีอิ๊ว ต้องเริ่มด้วยการนำถั่วเหลืองออร์แกนิคมาหมักกับน้ำตาลและเกลือ เมื่อเวลาผ่านไปคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลเหล่านี้ จะกลายเป็นอาหารของจุลินทรีย์ในระหว่างขัั้นตอนการหมักที่กินเวลานานหลายเดือน แป้งและน้ำตาลจึงแทบไม่หลงเหลืออยู่ในซีอิ๊วที่หมักเสร็จแล้ว

                    ดังนั้น คนที่คุมน้ำหนักด้วยการทานอาหารแบบคีโต จึงสามารถปรุงอาหารด้วยซีอิ๊วออร์แกนิคเพิ่มรสเค็ม หอม กลอมกล่อมได้อย่างสบายใจ

 

4. น้ำปลา สูตรคีโต
 
 



                 น้ำปลาคีโต ที่ทำมาจากปลากะตัก(แอนโชวี่)ดองเกลือ ซึ่งในน้ำปลา 1 ช้อนชา จะมีคาร์โบไฮเดรต เฉลี่ย 0.7 กรัม

                 บางแบรนด์หรือร้านอาหารบางร้านอาจใส่น้ำตาลหรือข้าวสาลีลงไปในน้ำปลาเล็กน้อย เพื่อให้น้ำปลามีรสหวานขึ้น และควรอ่านข้อมูลโภชนาการหลังขวดก่อนเลือกซื้อ ไม่ให้มีน้ำตาลหรือสารให้ความหวานเกิน 5% เช่นเคย
 


5. น้ำมันหอย หรือ ซอสหอยนางรม
 


                   ปกติแล้วซอสหอยนางรมที่เราเรียกกันจนชินว่า น้ำมันหอย หรือซอสหอย จะถูกเติมน้ำตาลจำนวนมาก เพื่อเพิ่มความหวานกลมกล่อม รวมทั้งใส่แป้งข้าวโพดเพื่อเพิ่มความหนืด หรือแม้กระทั่งใส่สีผสมอาหารให้สีสวยน่าทาน

                   ตอนนี้ ซอสหอยนางรมสูตรคีโตตามท้องตลาด จึงหันมาใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล แต่ก็อาจเป็น dirty keto ได้ถ้าซอสมีความข้นหนืดอยู่  หากเข้มงวดกับการกินคีโตมากๆ และไม่อยากเสี่ยงกินแป้งที่แฝงมากับซอสหอย  Lumlum แนะนำให้ใช้น้ำปลาคีโต อะมิโนจากมะพร้าว หรือน้ำซุปตุ๋นกระดูกข้ามคืน (bone broth) แทน การใช้น้ำมันหอยเพื่อตัดความกังวลเรื่องคาร์โบไฮเดรตออกไป


6. อะมิโนมะพร้าว 
 

ภาพ ซีอิ๊วมะพร้าว ตราชีวาดี 
 

                  อะมิโนมะพร้าว ทำมาจากช่อดอกมะพร้าว ให้รสชาติและความหวานเหมือนกับซอสหอยนางรมและซีอิ๊ว โดยสามารถใช้ปรุงอาหารแทนเกลือ ซีอิ๊วถั่วเหลือง และซอสหอยได้ตามปกติเลย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเราชาวคีโตและคนที่แพ้ถั่วเหลือง

 
7. น้ำซุปตุ๋นกระดูก โบนบรอธ (Bone broth)




                   Bone broth คือ น้ำซุปตุ๋นกระดูกสัตว์ที่ใส่น้ำส้มสายชูหมักและน้ำ โดยจะตุ๋นด้วยไฟต่ำ 8-24 ชม. เพื่อให้ได้ซุปรสชาติเข้มข้น ไม่ต้องปรุงเพิ่ม อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และคอลลาเจนจากกระดูกที่ตุ๋น 
                   ใช้ได้ทั้งทำอาหาร และดื่มเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีคอลลาเจนที่ออกมาจากกระดูกผ่านการตุ๋นนานหลายชั่วโมง  เช่น ในคนที่มีไข้คีโตเพราะร่างกายขาดน้ำและแร่ธาตุ มีวิธีรักษาง่ายๆ คือ การดื่ม bone broth หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ ที่ใช้หญ้าหวานให้ความหวานน้ำตาล จะช่วยเติมน้ำและแร่ธาตุให้กับร่างกายเราแบบ 2 in 1
 


8. น้ำส้มสายชูหมักข้าวคีโต ออร์แกนิค





                       น้ำส้มสายชูหมักข้าวมีหลักการแบบเดียวกันกับซีอิ๊ว คือ ข้าวหอมมะลิออร์แกนิคจะถูกนำมาหมักกับน้ำตาลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งน้ำตาลและแป้งจะกลายเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย จนไม่หลงเหลือน้ำตาลในน้ำส้มสายชูหมักเลย

                   ท้ายที่สุดจึงได้รสชาติเปรี้ยว หอมกลิ่นข้าวเป็นเอกลักษณ์ สามารถใช้ปรุงเมนูคีโตเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว และเป็นส่วนผสมในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพจากประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักได้หลากหลาย 



9. สารให้ความหวานแทนน้ำตาล 

             หญ้าหวาน และน้ำตาลอริทริทอล ถูกจัดเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลยอดนิยมที่สุด และรองลงมา คือ หล่อฮังก๊วย เพราะราคาสูงและหายากจึงถูกใช้น้อยกว่าตัวอื่น นอกจากนี้ ยังมีสารให้ความหวานชนิดอื่นๆ ที่ถูกหยิบมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มและอาหารให้เราทานกันด้วย ได้แก่
 
 

หญ้าหวาน (Stevia) หรือ สตีเวีย

            สกัดจากหญ้าหวาน ให้ความหวานกว่าน้ำตาลถึง 200-300 เท่า ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด มีให้เลือกซื้อทั้งแบบน้ำ แบบเม็ดหยาบ และแบบผงละเอียด โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้แบบเหลวมากกว่า 



 
น้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol)

              น้ำตาลอิริทริทอล ให้ความหวาน 70% ของน้ำตาล ไม่ส่งผลต่อค่าดัชนีน้ำตาล เหมาะกับการปรุงอาหารและทำขนม ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพียงแค่ 10% และอีก 90% จะถูกขับออกทางปัสสาวะ 


 
 
 
สารสกัดหล่อฮังก๊วย (Monk fruit) 

           หวานกว่าน้ำตาล 150-200 เท่า ตัวนี้จะถูกใช้น้อยกว่าหญ้าหวานและน้ำตาลอิริทริทอล และมักจะถูกใช้ผสมกับส่วนผสมอื่นมากกว่า เพราะหายากและราคาสูง


 น้ำตาลอัลลูโลส (Allulose)

           น้ำตาลอัลลูโลสให้ความหวาน 70% ของน้ำตาล และมีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยที่สุด มีผลลดน้ำตาลในเลือดและไม่ทำให้ท้องอืดด้วย
 

 


ไซลิทอล (Xylitol)
 
           ไซลิทอลเป็น keto-friendly เพราะเป็นสารให้ความหวานที่หวานเท่ากับน้ำตาลและไม่มีคาร์โบไฮเดรตแฝง  เหมาะสำหรับคนที่มองหาสารให้ความหวานที่คล้ายกับน้ำตาลของจริง แต่ก็มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินเล็กน้อย คนจึงไม่ใช้ไซลิทอลเยอะ

NOT KETO-FRIENDLY = ซูคราโลส (Sucralose)  

            หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 400-700 เท่า แต่ไม่มีรสชาติขมติดลิ้นเหมือนสารให้ความหวานชนิดอื่น ๆ ที่ต้องระวัง คือ คนกินคีโตไม่ควรทาน (not keto-friendly) เพราะมีผลข้างเคียงเช่น กระตุ้นความอยากอาหาร น้ำหนักขึ้น และปัญหาระบบเผาผลาญผิดปกติ
 


10. เกลือ (เกลือทะเล / ดอกเกลือ / เกลือสีชมพู)

            คนกินคีโตมักจะมีปัญหาขาดโซเดียมเพราะไม่ได้รับโซเดียมจากขนม อาหารสำเร็จรูป หรือฟาสต์ฟู้ด ดังนั้น จึงต้องทานเกลือมากกว่าปกติ เพื่อเสริมโซเดียม ที่เป็นตัวช่วยควบคุมการกักเก็บน้ำในร่างกายไม่ให้ขาด โดยมีเกลืออยู่ 3 ประเภทที่คนกินคีโตทานได้
 

 

 
เกลือทะเล 

               หาง่าย ราคาไม่แพง เม็ดหยาบ ได้จากน้ำทะเลระเหย เลเวลความเค็มขึ้นอยู่กับน้ำทะเลแต่ละแหล่งเพราะมีแร่ธาตุที่ต่างกัน

 


ดอกเกลือ 
 
            หายาก ราคาสูง รสเค็มกลมกล่อมกว่าเกลือทุกชนิด แต่ด้วยปัญหาเรื่องราคาและความหายาก ส่วนมากจะใช้เกลือทะเลที่ไม่เสริมไอโอดีนมาแทนการใช้ดอกเกลือมากกว่า

 

 
เกลือสีชมพู / เกลือหิมาลายัน

             เป็นเกลือไม่มีไอโอดีน หากทานแค่เกลือชนิดนี้อย่างเดียวอาจเสี่ยงขาดไอโอดีนได้  และอาจต้องใช้เกลือหิมาลัยในปริมาณที่เยอะกว่าปกติ ถึงจะได้สัมผัสรสเค็มและโซเดียมเท่ากับเกลือทั่วไป


11. น้ำปลาร้า และกะปิ

             สมัยนี้มีน้ำปลาร้าและกะปิเอาใจสายคีโตที่ขาดปลาร้าและรสชาติเฉพาะตัวของกะปิไม่ได้ รวมทั้งมีโซเดียมที่จำเป็นสำหรับชาวคีโต


12. ซอส น้ำสลัด และน้ำจิ้มทุกประเภท





1.  ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก และซอสศรีราชาไม่มีน้ำตาล

สามารถทานซอสในกลุ่มนี้ได้ แต่ต้องควบคุมปริมาณการทาน เพราะในซอสอาจมีแป้งที่ทำให้ตัวซอสหนืดอยู่ เพื่อไม่ให้แป้งเกินลิมิต 20-30g ต่อวัน

2.  มายองเนส / มัสตาร์ด / น้ำสลัดแรนซ์ (ranch dressing) / น้ำสลัดซีซาร์

การเลือกซอสและน้ำสลัด ควรเลือกแบบที่มีไขมันสูงจะดีกว่า อย่างน้ำสลัดแรนซ์ ซีซาร์สลัด น้ำสลัดแบบไม่หวาน ไม่ใส่น้ำตาล

3.  น้ำสลัดเวเนเก็ท (น้ำสลัดบัลซามิค, น้ำสลัดงาซีอิ๊วญี่ปุ่นแบบใส)

ควรเลือกน้ำสลัดใสที่ทำมาจากน้ำมัน น้ำส้มสายชู และสมุนไพรเครื่องเทศเป็นส่วนผสมหลัก เช่น น้ำสลัดบัลซามิค น้ำสลัดงาซีอิ๊วญี่ปุ่นแบบใส

4.  น้ำจิ้มสูตรคีโตทุกชนิด

ในส่วนของน้ำจิ้ม มักใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งต้องสังเกตเปอร์เซ็นสารให้ความหวานจากข้อมูลโภชนาการ (Nutrition facts) ไม่มีเกิน 5%
 

13. น้ำพริกเผา และเครื่องพริกแกง สูตรไม่มีน้ำตาล


 
                เช่น ซัมบัลโอเล็คหรือน้ำพริกอินโดนีเซีย (Sambal Oelek)  น้ำพริกแกงเขียวหวานคีโต ออร์แกนิค และ น้ำพริกแกงแดงคีโต ออร์แกนิค

                น้ำพริกแกงเขียวหวานออร์แกนิคและน้ำพริกแกงแดงออร์แกนิค มีจุดเด่นตรงที่ไม่มีส่วนผสมของกะทิและน้ำตาล และสามารถปรุงรสชาติเพิ่มเติมได้เองตามใจชอบ ซึ่งต้องนำไปผัดให้สุกก่อน 

                ดีต่อคนที่กำลังทานคีโตฯ เพราะสามารถเลือกใช้เครื่องปรุงตามข้อจำกัดในการทานได้  อย่างเช่น การปรุงรสหวานด้วยหญ้าหวาน น้ำตาลหล่อฮังก๊วย หรือรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ด้วยเครื่องปรุงคีโตโดยเฉพาะ

                 อีกทางเลือกหนึ่ง คือ ซัมบัลโอเล็ค (Sambal Oelek) หรือ น้ำพริกอินโดนีเซียโอเล็ค ตัวนี้คนกินคีโตไดเอ็ทอยู่สามารถทานได้ เพราะมีส่วนผสมแค่สามอย่าง จากพริก เกลือ และน้ำส้มสายชู จึงหมดห่วง แต่ก็อย่าลืมทานคู่กับไขมันดีที่เป็นพลังงานหลักด้วย


 14. เครื่องเทศคีโต ออร์แกนิค
 
 
 
                 หากต้องการเพิ่มรสชาติของอาหารโดยไม่เพิ่มแคลอรี่และคาร์บ ให้ลองใช้เครื่องเทศต่อไปนี้ ได้แก่ พริกป่น กระเทียม ขิง ขมิ้น อบเชย พริกไทย พาสลีย์  กะเพรา ผักชี แมงลัก ออริกาโน่ โรสแมรี่ ใบไทม์
 
                 ซึ่งผงเครื่องเทศเหล่านี้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเร่งการเผาพลาญในร่างกาย จึงสามารถนำมาปรุงเพื่อเพิ่มความหอมและชูรสชาติเผ็ดร้อน จัดจ้าน ให้โดดเด่นขึ้นมาในอาหารคีโตได้และอาจจะเพิ่มเลม่อน มะนาว หรือส่วนผสมธรรมชาติอื่นๆที่ไม่มีแป้ง ซึ่งควรใช้ทุกอย่างให้อยู่ในปริมาณที่พอดี
พริกและเกลือ สามารถใช้ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลต่อกฎการทานคีโต
 
 
สรุป
  • หลักสำคัญคือ เลือกเครื่องปรุงที่ไม่ใส่น้ำตาล ไม่มีแป้งแฝง ไม่ใส่สีผสมอาหาร ไม่ใส่วัตถุกันเสีย 
  • เลือกเครื่องปรุงที่มีไม่ใส่น้ำตาลเลย หรือใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาลในปริมาณไม่เกิน 5%
  • สามารถใช้เครื่องปรุงทั้งหมดนี้ได้ แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอดี และอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กับการทานคีโตเจนิค เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและการลดน้ำหนักให้เห็นผล

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้